กัญชงในอุตสาหกรรมความงาม กำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากในหลายๆประเทศเริ่มปลดล็อคกฎหมาย เพื่อให้นำมาเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางและอาหารได้ และส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคที่ได้ทราบสรรพคุณของกัญชงหรือสาร CBD ในกัญชงในการรักษาโรคต่างๆมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ธนาคาร Jefferies ในสหรัฐอเมริกา ได้พยาการณ์ว่า กัญชงจะถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางถึง 15% ของผลิตภัณฑ์ความงามทั่วโลกภายในระยะเวลา 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Make-up, Skincare, Haircare, และผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำ เนื่องจากคุณสมบัติอันโดดเด่นในการบำรุงผิว โดยเฉพาะคุณสมบัติด้านการต้านการอักเสบ (Anti-Inflammatory)
แบรนด์ Lord Jones ได้ออกผลิตภัณฑ์หลายตัวที่ใช้กัญชงเป็นส่วนผสม ซึ่งมี 2 ตัว ที่ขายดีมาก ได้แก่ CBD Gummies และโลชั่นทาผิวกาย
ร้าน Sephora ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ได้วางจำหน่ายสินค้าในกลุ่มกัญชงหลากหลายชนิด โดยตั้งคอนเซ็บสินค้าไว้ว่า “Beauty and Bong” สำหรับ Origin จาก Estee Lauder’s ใช้คอนเซ็บ “ Hello, Calm” ในผลิตภัณฑ์ครีมมาส์คหน้า
แบรนด์ Murad’s จาก Unilever มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเซรั่มบำรุงผิวหน้า เช่นเดียวกับ Kiehl’s จาก L’Oreal ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ hemp-based face oil ออกสู่ตลาด
นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำของโลกที่ใช้กัญชงเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เช่น Ganier, The Bodyshop, ฯลฯ ที่กำลังทยอยออกสู่ตลาด แต่จะเข้ามาเมืองไทยเมื่อไหร่นั้น ต้องติดตามกันต่อไป
สำหรับในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ที่จะออกสู่ตลาด อาจมีกำหนดในไตรมาศที่ 3 ของปี 2564 เนื่องจากกฎหมายเพิ่งเปิดให้ใช้ในส่วนผสมเครื่องสำอางได้ในวันที่ 29 มกราคม 2564 โดยการนำเข้าวัตถุดิบยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ดังนั้นการผลิตสินค้าที่ใช้ต้นกัญชงจึงต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่การขออนุญาตเพาะปลูก การสกัด จนถึงการแปรรูปเป็นเครื่องสำอาง โดยมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าความงามหลายรายประกาศว่าตนเองจะเป็นผู้นำในตลาดสินค้าความงามจากต้นกัญชง ซึ่งต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไปว่า ใครจะสามารถช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาดเมืองไทยได้ก่อนกัน